วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

คำสันธาน







6.  คำสันธาน

“สันธาน” แปลว่า การต่อหรือเครื่องต่อ คำสันธานจึงหมายถึง คำที่ใช้เชื่อมต่อถ้อยคำให้ติดต่อเป็นเรื่องเดียวกัน
หน้าที่ของคำสันธาน คำสันธานทำหน้าที่เป็นบทเชื่อม 4 อย่างคือ
 6.1 เชื่อมคำกับคำให้ติดต่อกัน เช่น
-อ่านกับเขียนเป็นทักษะที่สำคัญในภาษาไทย
-ฉันพบเงินและทองอยู่ในหีบ
-เขาเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน และนก (ละ สันธานและข้างหน้าที่ซ้ำกัน)
6.2 เชื่อมประโยคกับประโยคให้ติดต่อกัน เช่น
-สามีเดินข้างหน้าและภรรยาเดินข้างหลัง
-เขาชอบแกงเห็ดแต่ฉันชอบแกงจืด
-เพราะเขาเป็นคนมีน้ำใจทุกคนจึงรักเขา
-เธอมาทำงานหรือเธอมาเล่น
6.3 เชื่อมข้อความกับข้อความให้สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
-ขึ้นชื่อว่าทรัพย์ย่อมเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา แต่เราจะหามาได้ต้องอาศัยความพยายาม เหตุฉะนั้นความพยายามจึงเป็นบ่อเกิดของการได้มาซึ่งทรัพย์
6.4 เชื่อมความเพื่อให้สละสลวย เช่น
-อันว่าทรัพย์สมบัตินั้นเป็นของนอกกาย ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้
-คนเราก็ต้องผิดพลาดกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
-อย่างไรก็ตามฉันต้องช่วยเขาให้ได้
คำสันธานนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ระหว่างคำ ระหว่างประโยค หรือระหว่างความเสมอไป จะสอดลงไว้ในที่แห่งใดก็ได้ อาจจะอยู่หน้า กลาง  หรือหลังประโยคก็ได้ และจะใช้คำกี่คำก็ได้แล้วแต่เหมาะสม คำสันธานนั้นมีทั้งเป็นคำคำเดียว เช่น และ กับ แต่ หรือเข้าคู่กัน เช่น ครั้น..จึง เพราะ..จึง ทั้ง..และ  หรือเป็นกลุ่มคำ เช่น อย่างไรก็ดี หรือมิฉะนั้น
คำสันธานแบ่งออกได้หลายชนิด
  1. .สันธานเชื่อมความคล้อยตาม เช่น กับ และ ก็ได้ ก็ดี ทั้ง ทั้ง..ก็ ทั้ง..และ ทั้ง..กับ  ก็ จึง ครั้น..จึง ครั้น..ก็ เมื่อ..ก็ พอ..ก็
ตัวอย่าง :  วิรัชกับวิบูลย์ทำกับข้าว              ยานี้ใช้กินก็ได้ทาก็ได้        พอฝนตกฉันก็นอน
   วันนี้ทั้งฝนก็ตกทั้งแดดก็ออก    ทั้งเธอและฉันต้องช่วยกันรดน้ำต้นไม้
2. สันธานเชื่อมความขัดแย้ง เช่น แต่ แต่ว่า แต่ทว่า  ถึง..ก็ กว่า..ก็
ตัวอย่าง : เขาแต่งตัวดีแต่ไม่สนใจการเรียน   ปากเขาร้ายแต่ทว่าใจเขาดี
  ถึงเขาเป็นนักมวยฉันก็ไม่กลัว        กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
3. สันธานเลือกความที่เลือกเอา เช่น หรือ  มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น หรือมิฉะนั้น หรือไม่ก็ ไม่..ก็
ตัวอย่าง : เธอจะเรียนหรือเธอจะเล่น            คุณต้องทำงานมิฉะนั้นต้องลาออก
  ไม่พี่ก็น้องต้องไปรับคุณปู่              อ่านหนังสือไปหรือไม่ก็นอนเสีย
4. สันธานเชื่อมความเป็นเหตุเป็นผลกันเช่น จึง เพราะ..จึง เพราะฉะนั้นจึง ฉะนั้น..จึง ดังนั้น..จึง
ตัวอย่าง :  เขาป่วยเป็นไข้หวัดจึงขาดเรียน
   เพราะเขาเป็นคนขยันทำงานเขาจึงมีฐานะดี
   เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวเพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครคบเขา
   เขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับใครฉะนั้นเขาจึงอยู่คนเดียว
   มีผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าดังนั้นน้ำจึงท่วมทุกปี
5. สันธานเชื่อมข้อความต่างตอนกัน เช่น สันธานชนิดนี้จะใช้เชื่อมข้อความที่กล่าวถึงตอนหนึ่งจบแล้ว กับข้อความที่จะกล่าวอีกตอนหนึ่งให้สัมพันธ์กัน เช่น ฝ่าย ส่วน ฝ่าย ว่า  อนึ่ง อีกประการหนึ่ง
 ที่มา : วิเชียร เกษประทุม. (2557). หลักภาษาไทย. นนทบุรี: สำนักพิมพ์พ.ศ.พัฒนา.  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น